มาทำความรู้จักกับ Interior Designer กันครับ

มาทำความรู้จักกับ Interior Designer กันครับ
ใครคือ Interior Designer ย้อนหลังไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แทบจะหาคนรู้จักอาชีพ Interior Designer ไม่ได้เลย แต่ในปัจจุบันนี้ Interior Designer แทบจะเดินชนกันตาย กลายเป็นอาชีพยอดฮิตติดเทรนด์ไปซะแล้ว อันที่จริงคำว่า “Interior Designer” สามารถแปลตรงตัวได้ว่า “นักออกแบบตกแต่งภายใน” แต่ในบ้านเรา เราอาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “มัณฑนากร” ก็ได้ ซึ่งคำทั้งสองคำนี้มีความหมายคล้ายกันมากจนสามารถใช้แทนกันได้ แต่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ในบทความต่อไปนี้เราจะใช้คำว่านักออกแบบตกแต่งภายในหรือ Designer เท่านั้น

เราจำเป็นต้องใช้นักออกแบบตกแต่งภายในหรือไม่?

งานตกแต่งภาย ในนั้นคล้ายกับการทำอาหาร ว่ากันตามตรง ทุกคนก็สามารถทำอาหารทานกันเองได้เพียงแต่ว่าพ่อบ้านแม่บ้านที่มีฝีมือ ก็สามารถทำอาหารได้เอร็ดอร่อยถูกปากคนในครอบครัว ในขณะที่พ่อครัวมืออาชีพที่มีฝีมือดีๆ นอกจากจะสามารถทำอาหารได้อร่อยแล้ว ยังต้องทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถนำมาขายให้กับลูกค้าทั่วไปได้

เปรียบเทียบแล้ว นักออกแบบตกแต่งภายในที่ดีก็จะสามารถออกแบบให้ถูกใจลูกค้าที่มาใช้บริการได้ Šอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายและไม่ต้องไปเสียเวลากับเรื่องจุกจิกไร้สาระ (แต่ถ้าลูกค้าที่เก่งๆ ก็อาจจะทำเองก็ไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าอาจจะยุ่งยากมากหน่อย)

อย่างไรก็ดี ข้อที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างงานตกแต่งภายในกับการทำอาหาร ก็คือ การทำอาหารหรือไปซื้ออาหารมานั้น หากไม่อร่อยอย่างมากก็แค่มื้อเดียว แต่การทำงานตกแต่งภายในนั้นมีเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น หากงานออกมาได้ไม่ดี เราก็คงต้องทนอยู่กับมันไปอีกนานจนกว่าจะหาเงินมารื้อทิ้งและทำใหม่ได้

นอกจากนี้งานเขียนแบบรายละเอียดที่นักออกแบบตกแต่งภายในทำออกมาก็เปรียบเสมือนเข็มทิศ Šและแผนที่ ที่ลูกค้าจะสามารถนำไปใช้ว่าจ้างผู้รับเหมาในการตกแต่งบ้านให้ประสพความ สำเร็จตามความประสงค์ได้เป็นอย่างดี การตกแต่งบ้านโดยปราศจากแบบหรือนักออกแบบตกแต่งภายในแล้ว เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาเอาเปรียบเจ้าของบ้านได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน Spec หรือลดวัสดุ ลดขนาดต่างๆ รวมทั้งแก้แบบให้ทำงานได้ง่ายขึ้น หรือหลบแบบตัดเอาส่วนที่ยากออกไป ซึ่งจะส่งผลให้งานด้อยคุณภาพลงอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่เจ้าของบ้านต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน หรืออาจจะมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำไปครับ

ดังนั้นหากจะว่าไปแล้ว ประโยชน์ของการว่าจ้างนักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพที่เก่งๆ นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 5 ข้อใหญ่ดังต่อไปนี้ประหยัดเวลานักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพมักจะมีวิธีการทำงานอย่างเป็นระบบทำให้งานที่ยากกลับกลายเป็นง่ายและรวดเร็ว รวมทั้งยังมีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในหน่วยงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเจ้าของบ้านบางรายก็สามารถทำเองได้เพียงแต่อาจจะต้องเสียเวลาในการวางแผนงาน ติดต่อและรวบรวมทีมงาน แบ่งงาน และยังต้องบริหารการเงินควบคู่ไปด้วย บ่อยครั้งที่การใช้บริการจากมืออาชีพอาจจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาไปได้ มากกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
  1. ประหยัดค่าใช้จ่ายบางครั้ง อาจดูเหมือนว่าการว่าจ้างนักออกแบบตกแต่งภายในนั้นเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้บริการของนักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพน่าจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้ จ่ายที่ไม่จำเป็นต่างๆ ได้มากเลยทีเดียว นอกจากนี้นักออกแบบตกแต่งภายในที่ดียังสามารถให้คำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้า หรือของประดับตกแต่งต่างๆที่ได้มาตรฐาน และหลีกเลี่ยงสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ หรือมีอายุการใช้งานน้อยซึ่งเป็นการลดค่าเสียหายจากการลองผิดลองถูกต่างๆ ได้เป็นอย่างดีรวมทั้งนักออกแบบที่มีจริยธรรมสูงๆ มักจะแนะนำให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงจากผู้รับเหมาที่ดูไม่มั่นคงหรือมีแนวโน้มจะทิ้งงาน อันจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับลูกค้าในภายหลังได้อีกด้วย
  2. ตรงตามประโยชน์ใช้สอยการจัดแบ่งพื้นที่หรือวางผังนั้น จำเป็นต้องใช้นักออกแบบที่เก่งและมีประสบการณ์จึงจะสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอย ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว และมีความสวยงามไปพร้อมๆกัน การจัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยนี้จะต้องคำนึงถึงหลักของ Ergonomic เพื่อที่จะให้ใช้สอยได้อย่างสบายและเหมาะสม การแบ่งพื้นที่โดยไม่คำนึงถึงหลักการใช้งานนี้ มักจะมีแนวโน้มที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น เล็กเกินไป หรือใหญ่เกินไปตลอดจนอาจมีการวางตำแหน่งการใช้งานที่ไม่ถูกต้องทำให้ลูกค้าใช้งานได้ลำบากดังนั้นการเลือกใช้บริการของนักออกแบบที่มีประสบการณ์จะมีประโยชน์และแก้ปัญหาในด้านการจัดแบ่งพื้นที่ได้มากเลยทีเดียว
  3. สวยงามนักออกแบบตกแต่งภายในส่วนใหญ่มักจะมีความสามารถพิเศษ ในการสร้างผลงานออกแบบได้สวยงามอย่างที่คุณคาดไม่ถึง และนักออกแบบบางรายก็จะมีหนังสืออ้างอิงที่ดีๆให้ลูกค้าอ่านและดูเพื่อสร้างเสริมจินตนาการของตนได้เป็นอย่างดี
  4. เป็นที่ปรึกษาที่ดีในงานตกแต่งภายในบ่อยครั้ง ที่ลูกค้าที่ทำการตกแต่งภายในเองมักจะมีปัญหาจุกจิกต่างๆที่ไม่รู้ว่าจะถามหรือปรึกษากับใคร รวมทั้งการทำงานตกแต่งบ้านมักจะมีขั้นตอนมากมาย (หากคุณต้องการให้บ้านออกมาสวย) และกลายเป็นปัญหาใหญ่ๆได้ง่ายๆ ทำให้ลูกค้าหลายท่านที่ทำบ้านเอง ถึงกับถอดใจหรือตั้งใจว่าจะไม่สร้างบ้านหรือตกแต่งบ้านเองอีกเลย ดังนั้นการว่าจ้างนักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพนั้นเป็นทางเลือกที่ดี โดยลูกค้าจะขอคำปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา รวมทั้งในกรณีที่ลูกค้าหมดกำลังใจหรือท้อแท้ นักออกแบบตกแต่งภายในจะกลายเป็นผู้ให้กำลังใจที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ซึ่งหากพิจารณาดูตามสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันแล้ว ลูกค้าจำนวนมากหันมาว่าจ้างนักออกแบบตกแต่งภายใน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจำเป็น และมีประโยชน์ (โดยเฉพาะในกรณีที่คุณมีงบประมาณมากๆ และไม่ต้องการโดนใครหลอก) ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างนักออกแบบ ตกแต่งภายใน จะมีราคาถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อมทั้ง ปัญหาไร้สาระต่างๆ มากมายที่จะระดมเข้ามาทำให้คุณปวดหัวไม่สิ้นสุด ซึ่งเมื่อแลกกับจำนวนเงินค่าจ้างนักออกแบบตกแต่งภายในที่ไม่สูงมากแล้ว จัดได้ว่าการเลือกจ้างนักออกแบบตกแต่งภายในดีๆ สักคนหนึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียวครับ